เมื่อกลางเดือน กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มาสด้าได้จัดกิจกรรม “MAZDA SKYACTIV CARAVAN” กับการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่สุดแห่งปี นํา ทีมงาน “Speedxonline/onairFM89.5” พร้อมคณะสื่อมวลชนอื่นๆร่วมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือระดับกับรถยนต์รุ่นใหม่ภายใต้เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ กับยนตรกรรมรถใหม่ทั้งหมด 7 รุ่น รวม 30 คัน บนเส้นทางกรุงเทพฯ-เขาใหญ่ รวมระยะทาง ไปกลับกว่า 400 กม.เลยทีเดียว ซึ่งในกิจกรรมนี้ทางเราได้รับเจ้า New Mazda CX-5 2.0 S มาเป็นพาหนะในการเดินทางกัน
LIVE THE REMARKABLE LIFE พลังความสุข ที่เร้าใจทุกเส้นทาง
New Mazda CX-5 ยนตรกรรมอเนกประสงค์เอสยูวี ที่ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเอกลักษณ์ในสไตล์เฉพาะตัว เส้นสายที่เรียบง่ายแต่แฝงด้วยความโฉบเฉียวทรง พลังราวกับมีชีวิต หรูหราปราดเปรียวในสไตล์พรีเมี่ยม ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” ซึ่งได้รับ แรงบันดาลใจจากสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่นที่เน้นความเรียบง่ายแต่งดงาม สะท้อนความเหนือระดับ และรสนิยมในแบบฉบับที่เป็นคุณ ทั้งรูปลักษณ์ภายนอก โดดเด่น มาสด้า CX-5 รถอเนกประสงค์เอสยูวีที่เป็นต้นกําเนิดของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ และการออกแบบ ภายใต้แนวคิด โคโดะ ดีไซน์ โดยมาสด้า CX-5 เจเนอเรชั้นแรก ได้เปิดตัวแนะนําในประเทศไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2556 มียอดขายสะสมสูงถึง 17,000 คัน ตามมาด้วยเจเนอเรชั่นที่ 2 เปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2560 มียอดจําหน่ายถึงปัจจุบันกว่า 15,000 คัน และกลยุทธ์ด้านราคาถือเป็นปัจจัยหลักสําคัญที่จะส่งผลทําให้ CX-5 2.0 Sใหม่ ประสบความสําเร็จอย่าง รวดเร็ว ด้วยการวางราคาจําหน่ายเริ่มต้นเพียง 1,320,000 บาท
การตกแต่งภายในของยังความหรูหรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พิถีพิถันในทุกรายละเอียดเสมือนงาน ทํามือ ให้ผิวสัมผัสอย่างประณีต โดยการเลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยมในทุกจุดสัมผัส ภายในห้องโดยสารหรูหรามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พิถีพิถันในทุกรายละเอียด โดยเพิ่มความหรูหรามีระดับ กับห้องโดยสารโทนสีเข้มแต่งด้วยวัสดุแบบ Real Wood และสีเงินซาตินโครม
แนวคิดในการพัฒนามาสด้า CX-5 ใหม่ ยังคงคํานึงถึงการใช้งานและอรรถประโยชน์การใช้สอยเป็น หลัก ด้วยการออกแบบฟังก์ชั่นและการจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ ภายในตัวรถให้อยู่ในตําแหน่งที่ เหมาะสมตามหลักปรัชญามนุษย์เป็นศูนย์กลาง HMI (Human-Machine Interface) เพื่อให้สัมผัส ได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างคนกับรถ รวมถึงการเชื่อมต่อการสื่อสารแบบไร้ขีดจํากัดผ่าน ระบบ Mazda Connect ที่มาพร้อม Apple CarPlay และระบบ Android Auto ด้วยหน้าจอสี Center Display แบบทัชสกรีน ขนาด 8 นิว ควบคุมด้วย Center Commander ปุ่มควบคุมที่จัดวางในตําแหน่งที่ใช้งานสะดวกมากยิ่งขึ้น
ระบบเบรกมือไฟฟ้าระบบ Auto Hold ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ LED เปิด-ปิด และปรับ ระดับสูง-ต่ํา แบบอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างสําหรับการขับขี่เวลากลางวัน Daytime Running Light และไฟท้ายแบบ LED Signature เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า wร้อมระบบปรับเบาะดันหลัง ไฟฟ้า มาตรวัดความเร็วแบบอนาล็อค พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ กระจกมองหลังปรับลด แสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแบบ Dual Zone พร้อมช่องแอร์สําหรับ ผู้โดยสารตอนหลัง ช่อง USB สําหรับชาร์จไฟด้านหน้า 2 ช่อง และด้านหลังอีก 2 ช่อง หน้าจอ สี Center Display แบบทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว ประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า ระบบ ควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) ระบบปรับองศาไฟหน้ําตามการเลี้ยวของรถ AFS และถุงลมนิรภัย 6 ตําแหน่ง พร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
มาสด้า CX-5 ใหม่ มาพร้อมกับระบบควบคุมสมรรถนะการขับขี่อัจฉริยะขั้นสูง GVC Plus ในทุกรุ่น ย่อย ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีภายใต้ SKYACTIV-Vehicle Dynamics ที่ผสานและควบคุมการ ทํางานของรถทั้งคันให้ทํางานประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้พัฒนาต่อยอดจากระบบ GVC เพื่อให้สามารถควบคุมสมรรถนะในการขับขี่ได้อย่างแม่นยําและสมดุลมากยิ่งขึ้น ทั้งในขณะเข้าโค้ง ขณะอยู่ในโค้ง หรือขณะออกจากโค้ง หรือแม้กระทั่งใสถานการณ์ฉุกเฉินก็ตาม ช่วยให้ผู้ขับขี่และรถ เป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และมอบความสะดวกสบายให้ผู้โดยสารไปตลอดการเดินทาง
SKYACTIV-BODY โครงสร้างตัวถังสกายแอคทีฟ ที่ผลิตจากเหล็กกล้าคุณภาพสูง High Tensile Steel น้ําหนักเบาและ แข็งแกร่ง ให้การควบคุมรถที่มั่นคง ช่วยลดแรงสะเทือนจากถนน และกระจายแรงปะทะที่เข้าสู่ห้อง โดยสารในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
SKYACTIV-G 2.0 เครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ให้พละกําลังสูงสุด 165 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร พร้อมระบบจ่ายน้ํามันเชื้อเพลิง แบบอิเล็กทรอนิกไดเร็คอินเจ็คชั่น รองรับน้ํามันเชื้อเพลิง E85 ประหยัดน้ํามันเชื้อเพลิงสูงถึง 13.9 กิโลเมตs/ลิตร พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SKYACTIV-Drive ที่ได้รับการพัฒนาให้สามารถตอบสนองต่ออัตราเร่งได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับ New Mazda CX-5 2.0 S ถือเป็นตัวเริ่มต้นของตระกูลนี้ ภายนอกยังดูโฉบเฉี่ยวไม่แตกต่างจากตัวท้อปแต่อย่งใด มีเพียงล้อที่ปรับลดขนาดมาเป็นขอบ 17 นิ้วกับยางขนาด 225/65-17 เท่านั้น เมื่อเปิดประตูเข้าไปนั่งภายในห้องโดยสารก็ยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเท่าไนนักถ้าไม่สังเกตุจริงๆจังๆกัน วัสดุภายในยังเป็นแบบ “Soft” ทั้งคัน วัสดุก็ยังดูดี อีกทั้งการออกแบบก็ยังเหมือนกันแบบไม่แตกต่าง มีเพียงการตังฟังค์ชั่นเล็กๆน้อยๆออกไปแค่นั้นเอง อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายก็ยังครบครันอย่างที่ได้แจ้งไปแล้วซึ่งก็ยังถือว่า “เยอะ” พอสมควรทีเดียว เบาะนั่งด้านคนขับปรับด้วยไฟฟ้าลดฟังค์ชั่นดันหลังไฟฟ้ากับปุ่มความจำตำแหน่งเท่านั้น ส่วนด้านผู้โดยสารด้านซ้ายจะเป็นแบบปรับด้วยมือธรรมดา จอดแสดงข้อมูลการขับขี่ที่ยิงขึ้นกระจกหน้าไม่มีก็ไม่ถือว่า “ขาด” อะไร ตัวหน้าปัดตัววัดรอบกับวัดความเร็วเหมือนกัน แต่จอแสดงผลข้อมูลด้านขวามือสุดปรับให้ “ย่อม” ลงมาหน่อยแต่ก็ยังสามารถแสดงผลที่จำเป็นได้ครบถ้วน
เริ่มออกตัวรู้สึกว่ากดคันเร่งช่วงแรกดูตัวรถยังไม่ค่อยอยากจะออกตัวเท่าไรนัก ต้องกดคันเร่งมากหน่อยตัวรถถึงเริ่มตอบสนองดีขึ้นอัตราเร่งช่วงแรกเหมือนจะ “อืด” ไปหน่อยต้องเพิ่มรอบเครื่องยนต์ไปแถวๆ 4,000 เครื่องยนต์ถึงจะมีแรงดึงตัวรถไปข้างหน้าอย่างทันใจขึ้น ระบบเกียร์ก็ทำงานได้อย่างแม่นยังและลงตัวดี การเปลี่ยนเกียร์มีการทำงานให้รู้สึกบ้าง จังหวะเค้นกำลัง “kick down” ตอนเร่งแซง รอบเครื่องยนต์ตวัดสูงขึ้นแต่ความเร็วไม่ค่อยขึ้นตามเท่าที่ควร ต้องรอรอบระดับ 4,000 ขึ้นไปตัวรถถึงเริ่มพุ่งอย่างที่ต้องการ การบังคับควบคุมยังคงยอดเยี่ยมและขับสนุกตามสไตล์ Mazda พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี การบังคับควบคุมแม่นยำ โค้งกว้างหรือโค้งแคบสามารถควบคุมรถผ่านได้อย่างสบายมือ ระบบช่วงล่างช่วงทางตรงถือว่านิ่งและมั่นคงใช้ได้ แต่ยังไม่นิ่งและมั่นคงเท่ากับรุ่นท้อปที่ใช้ล้อและยางขนาด 19 นิ้ว ช่วงทางตรงที่ใช้ความเร็วสูงกับช่วงทางโค้งยังมีอาการ “หวิว” ในบางจังหวะ แต่ประสิทธิภาพการเกาะถนนก็ยังมั่นคงดีอยู่
การไต่ความเร็วสูงขึ้นในช่วงเดินทางบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ก็ยังสามารถเร่งได้อย่างเรื่อยๆอาจจะไม่จัดจ้านแต่ก็ไม่ช้า ยิ่งช่วงรอบเครื่องยนต์สูงๆกำลังของรถมีมาให้ใช้งานต่อเนื่องดีกว่าช่วงรอบต่ำ การเร่งแซงทำได้ทันใจดี ระบบกันสะเทือนในทางเรียบก็รู้สึกนุ่มนวลและนั่งสบายดี ส่วนช่วงทางขรุขระจากถนนที่ชำรุดก็ยัง “ซับ” แรงสั่นสะเทือนไว้ได้เกือบหมด ไม่ตึงตังอย่างตัวท้อปที่มาด้วยยางที่แก้มเตี้ยกว่า ส่วนระบบเบรกสามารถชะลอความเร็วของรถได้อย่างนุ่มนวลทั้งช่วงความเร็วต่ำและความเร็วสูง จังหวะเบรกกระทันหันก็ยังทำได้ดีเพราะมีตัวช่วยเยอะ
สรุปว่าเจ้า New Mazda CX-5 2.0 S คันนี้ดูเหมาะกับการใช้งานในเมืองใหญ่ๆแถมยังสามารถใช้เดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดได้ดี ยิ่งอัตราการสิ้นเปลืองในระยะทางกว่า 400 กม.สามารถทำได้ในระดับ 15.8 กม./ลิตร ถือว่า คุ้มค่ามาก” สำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ที่ราคาไม่ “ติดดอย” อย่างคันนี้.....