Honda พาขี่ก่อนเปิดตัว พรีเมี่ยมสกูตเตอร์รุ่นใหม่ ในชื่อชั้นและดีไซน์ที่คุ้นเคย

Honda พาขี่ก่อนเปิดตัว พรีเมี่ยมสกูตเตอร์รุ่นใหม่ ในชื่อชั้นและดีไซน์ที่คุ้นเคย

          

          เป็นความตื่นเต้นเล็กๆ ที่อยู่ดีๆ ค่ายมอเตอร์ไซค์ชั้นนำอย่าง A.P. Honda ก็ร่อนจดหมายเชิญทดลองขับขี่มาให้แบบสุดเซอร์ไพรซ์ เพียงไม่กี่อึดใจก่อนที่จะได้ลองของ หลังจากที่เปิดศักราชใหม่มาเพียงไม่กี่วัน ซึ่งด้วยกระแสข่าวที่ลือกันมาอย่างหนาหูในช่วงก่อนหน้า มันพาให้จินตนาการไปได้ 2-3 ทาง ว่ามอเตอร์ไซค์ที่จะได้มาทดลองขี่ในครั้งนี้ จะออกมาในรูปแบบไหน


          

           ในช่วงเวลาของการทดลองขี่ แม้ว่าจะมีรถทดสอบจอดอยู่ตรงหน้า แต่ก็ไม่เชิงว่าทาง Honda ได้เผยโฉมมอเตอร์ไซค์รุ่นนี้อย่างเป็นทางการ โดยมีการอำพรางด้วยสติ๊กเกอร์ตั้งแต่หัวจรดท้าย มีเพียงในเรื่องของเส้นสาย และรูปร่างพอที่จะเป็นคำตอบในใจว่า มอเตอร์ไซค์คันที่เห็นนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นโฉมล่าสุดของพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ในตระกูล PCX ที่เราคุ้นเคย ซึ่งหากจะให้ชี้ชัดกว่านั้น ใช่แล้วครับ นี่คือ ว่าที่ Honda PCX 160 นั่นเอง ที่สำคัญ...เราเป็นคนกลุ่มแรกๆ ในโลก ที่ได้สัมผัสสมรรถนะของมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ที่ว่านี้ ซึ่งก็เป็นครั้งแรกของ Honda เช่นเดียวกัน ที่เชิญสื่อมวลชนชั้นนำมาทดลองขี่จริงๆ ก่อนที่จะมีการเปิดตัว


          

           ด้านดีไซน์ในภาพรวม ยังคงบอกอะไรไม่ได้มากนัก เนื่องจากถูกพรางด้วยสติ๊กเกอร์ตลอดคัน แต่ที่แน่ๆ เรื่องความหรูนั้นต้องมาก่อนด้วยเบาะหนังโทนดำ-น้ำตาล (ในรุ่นไฮบริด มาในสีดำ-น้ำเงิน) แม้ว่าในภาพรวมอาจดูไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่ในความเป็นจริง เป็นการเปลี่ยนใหม่แบบยกคัน ตั้งแต่ในส่วนของโครงสร้างที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อประสิทธิภาพในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น


              

          อีกสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน นั่นก็คือ เรื่องของขุมพลัง ที่ขยับมาเป็น eSP+ ตามรุ่นพี่อย่าง Forza 350 มาติดๆ โดยเครื่องยนต์บล็อกนี้ ได้รับการอัพเกรดในหลายๆ องค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นหัวใจหลักของความเป็น eSP+ นั่นก็คือ การใช้วาล์ว 4 ตัว/สูบ (วางหัวเทียนกลางลูกสูบ เพื่อการจุดระเบิดที่รุนแรงมากขึ้น และเผาไหม้ได้อย่างหมดจด) ขับเคลื่อนด้วยแค็มชาฟท์แบบ SOHC ทำงานร่วมกับกระเดื่องวาล์วแบบ Roller UniCam ที่ช่วยลดแรงเสียดทางในการเคลื่อนที่ รวมถึงกลไกดันโซ่ราวลิ้นแบบไฮดรอสิคส์ ใช้รอบเครื่องยนต์เป็นตัวกำหนดระดับการทำงาน ซึ่งด้วยความฝืดในการทำงานที่ต่ำ นอกจากจะให้ผลดีในการเรียกพละกำลังแล้ว ยังส่งผลในเรื่องความเงียบ สมูทในการทำงาน ลดเสียง ลดการสั่นของเครื่องยนต์ รวมถึงยังช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอีกด้วย ในระบบหล่อลื่นมาพร้อมระบบ Piston Oil Jet ช่วยลดความฝืดในการทำงาน เสริมประสิทธิภาพในการระบายความร้อน เพื่อรักษาสมรรถนะตลอดย่านการทำงาน



            ด้านระบบไอดี ไอเสีย มีการขยายขนาดของหม้อกรองอากาศให้ใหญ่ขึ้น (จาก 4.7 ลิตร เป็น 4.9 ลิตร) ปรับขนาดเรือนลิ้นเร่งจาก 26 เป็น 28 มม. เช่นเดียวกับในส่วนของหม้อพักไอเสีย เพื่อรองรับกับความจุของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น จากการขยายขนาดของลูกสูบ รวมถึงยืดช่วงชัก โดยมาในขนาด 60.0 x 55.5 มม. หรือ 156.9 ซีซี. (จากเดิม 57.3 x 57.9 มม. หรือ 149.3 ซีซี.) เพิ่มกำลังอัดเป็น 12.0 : 1 ซึ่งเป็นกำลังอัดที่สูงที่สุดในคลาส


           

           นอกจากเรื่องของพละกำลังที่สูงขึ้นแล้ว สิ่งหนึ่งที่ Honda ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ก็คือ เรื่องของระบบความปลอดภัย โดยในว่าที่ Honda PCX 160 มาพร้อมระบบควบคุมแรงบิด Honda Selectable Torque Control (HSTC...สามารถปิดการทำงานได้) ที่ช่วยจัดการกำลังอย่างเหมาะสม เพื่อเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดียิ่งขึ้น ในส่วนของระบบเบรกพร้อมดิสค์เบรกทั้งหน้า – หลัง โดยที่ด้านหน้าจะมี ABS มาช่วยเติมความปลอดภัย ล้อและยางที่ใช้ มาในความกว้างที่มากกว่ารุ่นก่อน โดยยางหน้ามาในความกว้าง 110 มม. ในล้อขนาด 14 นิ้ว ส่วนยางหลังกว้าง 130 มม. ในล้อ 13 นิ้ว (รุ่นก่อนเป็น 100 และ 120 ตามลำดับ ในล้อขนาด14 นิ้ว) นอกจากนี้ยังมีในเรื่องความสบายด้วยยางรองตุ๊กตาแฮนด์เพื่อช่วยลดการสั่นสะเทือนที่จะส่งถึงตัวผู้ขับขี่



           อีกหนึ่งไฮตัวไฮไลท์ของการทดลองขี่ในครั้งนี้ก็คือ Honda PCX eHEV (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) มาในระบบไฮบริดที่ใช้มอเตอร์สำหรับช่วยเพิ่มกำลังในการขับเคลื่อน ในช่วงออกตัวและเร่งแซงในหลากหลายย่านความเร็ว โดยมอเตอร์ตัวนี้ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 2 โหมด เพื่อความสะดวกในการใช้งานที่มากขึ้น (เจนเนอเรชั่นก่อนมี 3 โหมด) คือ D สำหรับการขับขี่รูปแบบปกติ และ S เน้นการตอบสนองที่รวดเร็ว สร้างความเร้าใจในการเดินทาง ซึ่งในทั้ง 2 โหมด ยังคงมีระบบ Idle Stop ที่จะทำงานในขณะที่รถจอดนิ่งเป็นเวลา 3 วินาที (ปิดได้โดยกดปุ่มเปลี่ยนโหมดค้างไว้ประมาณ 2 วินาที)


           

          แม้ในช่วงการทดลองขับขี่ในครั้งนี้ จะมีปัญหาการระบาดของโควิด 19 อย่างเข้มข้น แต่สิ่งที่อดชื่นชมไม่ได้เลยก็คือ แนวทางในการจัดกิจกรรมของทาง Honda ที่มีความชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการจัดกลุ่มสื่อมวลชน ที่มีความรัดกุม มีการเว้นระยะห่างและลดความแอดอัดอย่างเป็นรูปธรรม แม้จะเป็นการร่วมกิจกรรมในช่วงเวลาที่ดูมีความเสี่ยง แต่กลับรู้สึกอุ่นใจ โดยในช่วงเวลาของการขับขี่ มีการแบ่งกลุ่มชัดเจน กลุ่มละ 30 นาที ในระหว่างที่เสร็จสิ้นการทดลองขี่ของแต่ละกลุ่ม จะมีการฆ่าเชื้อโรคที่รถทดสอบทุกคันเพื่อความปลอดภัย



           ด้วยขนาดและพละกำลังที่พอเหมาะของ Honda PCX 160 ที่ออกแบบมาให้เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่ทุกระดับ ทำให้ไม่ต้องปรับตัวอะไรมากนัก ลงไปวอร์ม 2-3 รอบสนาม (4-5 กม.) ก็เริ่มจะมีความคุ้นเคยกับตัวรถ ซึ่งก็ต้องบอกเลยว่า จุดเด่นของรถที่มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ก็คือ เรื่องของความคล่องตัว สามารถซอกแซกได้ง่าย แม้ในสภาพเส้นทางที่ต้องเลี้ยววงแคบๆ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา การเร่งความเร็ว สามารถทำได้อย่างน่าพอใจ ให้การตอบสนองที่รวดเร็วด้วยแรงบิดที่เพิ่มขึ้นจากแรงบิดของเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนามาใหม่ สุดทางตรงของสนามทดสอบก่อนที่จะเบรกสามารถทำความเร็วได้กว่า 80 กม./ชม. (จริงๆ อาจได้อีก แต่ถ้าเน้นความปลอดภัย ประมาณนี้ดูจะกำลังดี) ซึ่งโค้งต่อจากนี้ค่อนข้างจะแคบ จึงต้องใช้เบรกค่อนข้างหนัก การทำงานของระบบเบรกนั้น ถือว่าไว้เนื้อเชื่อใจได้ ในระดับของรถพิกัดนี้ เบรกแรงๆ อาจรู้สึกถึงอาการให้ตัวที่แฮนด์บาร์บ้าง แรกๆ อาจรู้สึกเหวอๆ สักหน่อย เหมือนกับขันแฮนด์ไม่แน่น แต่นี่คือ เซ็ตติ้งที่ Honda ทำไว้ เพื่อความนุ่มนวลในการขับขี่ระยะยาว



            เรื่องระบบเบรกนั้น ความโดดเด่นอาจไม่ได้อยู่ที่น้ำหนักของเบรกหน้า แต่กลับเป็นเบรกหลังแบบดิสค์เบรก ที่ให้การตอบสนองได้ชัดเจนกว่าเจนเนอเรชั่นก่อน ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ไม่น้อย การตอบสนองของช่วงล่าง ให้ความนุ่มนวลที่ดีตามสไตล์ของตัวรถ การทำความเร็วในโค้ง ไว้เนื้อเชื่อใจได้ ไปได้ไวถ้าไม่กลัวใจตัวเอง การทรงตัวในย่านความเร็วสูง เท่าที่ในสนามทำได้ ยังไม่พบว่ามีปัญหา ข้อดีอีกอย่างคือ การมีระบบ HSTC มาช่วยนั้น ทำให้สามารถเดินคันเร่งได้ง่ายขึ้น คือ ไม่ต้องพะวง หากพื้นผิวมีความลื่น ระบบจะผ่อนการทำงานโดยอัตโนมัต ให้อารมณ์คล้ายๆ รุ่นพี่อย่าง Forza 350 ไม่ผิดเพี้ยน ในส่วนหน้าปัดให้การแสดงผลที่ชัดเจน ครบถ้วน และมีความหลากหลาย ดูในภาพรวมแล้ว ถือว่าเป็นสัญญาณในการพัฒนาที่ดี และคาดว่า Honda PCX 160 จะได้รับความนิยมในทันทีที่เปิดตัว



             หลังจากขี่รุ่นธรรมดามาพอควร ผู้เขียนมีโอกาสได้ทดลองขี่รุ่นไฮบริด eHEV ในช่วงสั้นๆ สิ่งที่สัมผัสได้ถึงความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องของความสนุกในการขับขี่ จากการตอบสนองที่รวดเร็ว ฉับไวกว่า ด้วยการมีมอเตอร์ไฟฟ้ามาเป็นตัวช่วยในการขับเคลื่อน ซึ่งแน่นอนว่า ด้วยอัตราเร่งในการออกจากโค้งที่ดีกว่า ย่อมส่งผลให้ความเร็วสะสมทำได้สูงกว่าด้วย โดยเฉพาะกับในโหมด S ที่เห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน โดยทำความเร็วในช่วงที่กล่าวไปในข้างต้นได้ราวๆ 85 กม./ชม. เลยทีเดียว มาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงสงสัย ว่ามอเตอร์ไฮบริดใน Honda PCX eHEV ทำงานได้ถึงความเร็วไหน ? จากที่ผู้เขียนลองเติมคันเร่งจากทุกย่านความเร็ว อินดิเคเตอร์การทำงานของระบบไฮบริดบนหน้าปัด ก็ยังคงแสดงผลการทำงานของระบบในทางบวก คือ มีการเสริมกำลังในขณะที่เร่งในทุกช่วง ซึ่งหากอ้างอิงจาก Honda PCX Hybrid ในเจนเนอเรชั่นก่อน มอเตอร์สามารถช่วยเติมอัตราเร่งได้อย่างครอบคลุม แม้ในย่านความเร็วที่สูงกว่า 100 กม./ชม. ขึ้นไป อันเป็นเครื่องยืนยันถึงความจริงจังในการพัฒนาระบบไฮบริดของค่าย Honda อย่างแท้จริง

***ชมบรรยากาศเปิดตัว Honda PCX 160 แบบสดๆ ได้ทาง แฟนเพจรถจักรยานยนต์ฮอนด้า วันที่ 7 มกราคม 2564 ตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป

Tags :

view